น้อง ๆ เคยตั้งคำถามมั้ยว่า “หมอแบบไหนคือ Type เรา” คนแบบเรา สไตล์แบบนี้มีสิทธิ์ติดหมอได้มั้ย แล้วจะมีวิธีเตรียมตัวอย่างไร ให้สอบติดหมอได้ในแบบฉบับของเรา ไปดูกันเลย เตรียมตัวติดหมอ ในแบบฉบับของเรา
แน่นอนว่าหมอทุกคนเรียนเก่ง แต่เด็กเก่งทุกคน อาจไม่ได้เรียนหมอ แล้วจะทำอย่างไรให้คนเรียนเก่งที่อยากเป็นหมอ ได้สอบติดหมอสมใจ และอะไรคือเหตุผลที่เด็กเนิร์ดหลายคนไปไม่ถึงหมอ
หากพูดถึงเรื่องการเตรียมตัว เด็กสายเนิร์ดคงจะตั้งใจเรียน ทำเกรดได้ดี ขยันเรียนและทบทวนหนังสือ จนมีความเข้าใจเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ดีพอสมควรแล้ว แต่ในสนามแข่งหมอ คือการรวมพลคนเก่ง การไฟวท์กันจึงดุเดือด เอาหัวกะทิมาชนกัน แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนสมหวังและผิดหวัง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผิดหวัง ในเมื่อเด็กกลุ่มนี้ก็เก่งเหมือนกัน คำตอบคือ การต่างกันที่ความแกร่ง! เด็กที่เก่งและแกร่งเขาจะสามารถก้าวข้ามความเครียดความกดดันในระหว่างทางของสนามแข่งหมอได้ การสร้างความสมดุลและความพอดีของเนื้อหาทางวิชาการที่ไม่ล้นจนเกินไป การอ่านหนังสือการเตรียมตัวให้ตรงจุดที่ต้องใช้ ล็อกเป้าส่วนที่เป็นจุดสำคัญในการสอบ เพื่อหา output ไปใช้ในการสอบได้จริง และเกิดเป็นคะแนน
ดังนั้นน้อง ๆ ใน Type นี้ ต้องระวังให้ดี หากเตรียมตัวมากไป เรียนหนัก อัดแน่น กดดันมาก ความเครียดสูง ความคาดหวังจากตัวเองและครอบครัวสูง ความมุ่งมั่นสูง แต่ผลลัพธ์อาจไม่ได้สูงเท่าความตั้งใจ
หมอ Type นี้ ไม่จำเป็นต้องเนิร์ด แต่เป็นเด็กรักการทำกิจกรรม สนุกสนานกับการหาประสบการณ์ชีวิต เก็บเกี่ยวเสริมเติมทักษะให้ตัวเองในระหว่างทาง ในชีวิต ม.ปลาย กิจกรรมมีความหลากหลาย ทั้งในรั้วโรงเรียน และนอกรั้วโรงเรียน ทั้งกิจกรรมวิชาการ กิจกรรมเสริมทักษะ กิจกรรมสนุกสนาน สร้างความเพลิดเพลิน ดังนั้นน้อง ๆ สายนี้ที่คิดจะเป็นหมอ อย่าลืมเลือกสรรค์กิจกรรมที่ช่วยเสริมเติมศักยภาพความเป็นหมอให้แก่เรา รวมทั้งกิจกรรมจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ และการได้ไปฝึกงานจริงในโรงพยาบาลหรือที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์การสาธารณสุข
ข้อควรระวังของน้อง Type นี้ คือการการจัดแบ่งเวลาและสร้างสมดุลระหว่างความรู้ทางวิชาการ และกิจกรรม โฟกัสกิจกรรมที่เอื้อต่อการนำไปใช้ต่อในสนามแข่งหมอ กิจกรรมที่สอดคล้องเหมาะสมกับความเป็นหมอ ไม่หว่านทำมั่วและหลากหลายเกินไป จนเผาเวลาไปกับการทำกิจกรรมที่มากไป
ในภาควิชาการนั้น ขอแนะนำเทคนิคการเลือกคอร์สติว ให้เน้นแบบที่เนื้อหาแบบเข้มข้น เพื่อเติมความรู้ภาควิชาการที่อาจจะถูกเวลากิจกรรมมาแย่งไป บางวิชาให้เลือกติวแบบกระชับ ใช้เวลาไม่มาก แต่เข้าเป้าในการทำคะแนน เช่น วิชาไทย-สังคม จัดสรรตารางอ่านหนังสือฉบับสั้น ๆ เน้น ๆ ตรงเป้าคะแนน หรือคัดเลือกการติวที่ตรงจุดวิชาที่ใช้สอบเข้าแพทย์โดยเฉพาะ เช่น BMAT ก็จะช่วยเพิ่มทางเลือกได้มากขึ้น และที่สำคัญอย่าลืมเลือกรอบที่เหมาะสม นั่นคือรอบ Portfolio และรอบนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งมักจะเป็นเครื่องมือหลัก ที่ใช้เป็นเกณฑ์การแข่งขันในการสอบเข้า เช่น IELTS, CU-TEP, TU-GET เป็นต้น หากหลุดจากรอบนี้ ค่อยไปลุ้นใช้คะแนนการแข่งขันทางวิชาการต่อในรอบต่อไป
Type นี้ มักเป็นเด็กหัวดี สมองไว ความจำดี ฉลาดแต่อาจจะมีฟิลขี้เกียจแฝงอยู่บ้าง ชอบเล่น รักสนุกสนาน ทำเหมือนไม่สนใจเรียน แต่จริง ๆ แอบมีฝันอยากติดหมอ หรือบางคนไม่ได้ฝันเป็นหมอไว้ตั้งแต่แรก แต่อาจเกิดจุดเปลี่ยนจากครอบครัว หรือแรงบันดาลใจบางอย่าง ที่อยากเปลี่ยนตัวเองให้สอบติดหมอ หากคิดจะเปลี่ยนเข้าสู้เส้นทางหมอ เน้นการปรับแนวคิด สร้าง Mindset สำหรับคนเป็นหมอ หาแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว กระตุ้นให้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีวินัยขึ้น ฝึกควบคุมตัวเองให้ได้ และที่สำคัญต้องรู้จักสร้างแรงจูงใจ เติม passion ด้านแนวคิด ทัศนคติ และสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง
ทางด้านวิชาการนั้น เน้นจัดสูตรการอ่านหนังสือแบบเข้มข้นและรวบรัด เลือกเรื่องที่ออกสอบเป็นเป้าหมายหลัก ที่สำคัญคือสร้างความเชื่อมั่นว่าเด็กหลังห้องอย่างเรา เฮฮาปาร์ตี้ไปวัน ๆ ก็สามารถฮึดสอบติดหมอได้ สามารถเป็นม้าตีนปลายได้
Type นี้ เป็นเด็กเก่ง เรียนดี แต่ไม่ได้วางเป้าหมายเป็นหมอมาก่อน จึงขาดการเตรียมความพร้อมเพื่อจะสอบเข้าหมอ เช่น ไม่ได้ทำกิจกรรมเก็บแต้มเพื่อใช้ทำพอร์ต ไม่เคยฝึกงาน หรือศึกษากฎเกณฑ์เงื่อนไขการสอบแข่งขันในสนามหมอ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นเด็กไม่รู้จักตัวตน เรียนหนังสือไปวัน ๆ ไม่ได้วางเป้าหมายชีวิต หรือวางแล้ว แต่เปลี่ยนไปมา เดี๋ยวอยากเป็นโน่น อยากเป็นนี่ อยากสอบติดสาขานี้ แล้วก็เปลี่ยนไปอยากสอบติดอีกสาขา ทำให้การเตรียมตัวไม่ต่อเนื่อง ไม่โฟกัสที่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งอย่างชัดเจน
สำหรับน้อง ๆ Type นี้ อันดับแรกให้ทำความเข้าใจหลักเกณฑ์การสอบในแต่ละรอบของระบบการแข่งขันก่อน เพื่อให้รู้ว่าในสนามแข่งหมอมีการแข่งกันด้วยเครื่องมืออะไร กติกา รูปแบบการแข่งขันมีแบบไหน มีสนามแข่งอยู่ในรอบใดบ้าง เมื่อเข้าใจแล้ว ค่อยวางแผนการเตรียมตัวแบบระยะสั้น เพราะกว่าจะรู้ตัวอาจจะกระชั้นชิดกับการเปิดสนามแข่งแล้ว ดังนั้นต้องเลือกรอบที่เหมาะสม ซึ่งควรจะเป็นรอบ 3 admission เพราะเน้นการแข่งขันด้วยคะแนนสอบเป็นหลัก การเตรียมตัวแบบกระชับที่สุดคือ เน้นโน้ตย่อ (เพราะมีพื้นฐานส่วนตัวดีอยู่แล้ว) ติวผ่านข้อสอบเป็นหลัก เพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อย (เนื่องจากไม่ได้วางแผนเป็นหมอมาก่อน) ที่เหลือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่าที่ตั้งใจเรียนสะสมมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วไปวัดกันที่สนามแข่งหมอได้เลย
เมื่ออ่านครบทั้ง 4 type แล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในความเป็นหมอคือความรู้ความสามารถทางวิชาการ และยิ่งจะเกิดแต้มต่อมากขึ้น เมื่อได้รับการฝึกเสริมเติมทักษะที่จำเป็นต้องใช้สำหรับอาชีพหมอ เมื่อสองอย่างนี้ผสมกัน รับรองได้เลยว่า ไม่ว่าน้องจะอยู่ใน type ไหน จะมี lifestyle อย่างไร โอกาสที่จะสอบติดหมอเป็นของน้อง ๆ ทุกคนแน่นอนค่ะ และถ้าใครอยากจะหาตัวช่วยในการสอบติดหมอ พี่นัทจัดเตรียมมาให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียนกันแล้ว อยากรู้อยากเรียนวิชาไหน คลิกได้เลย
ติวเคมี แบบไม่ให้เคมีสู้กลับ กับคอร์ส เคมี A-LEVEL by ครูนาส Part 1 และ Part 2 ปลดล็อกเคมีให้กลายเป็นเรื่องง่าย ทำคะแนนได้ชัวร์ คลิก
ติวเข้มต้อนรับข้อสอบใหม่ ภาษาอังกฤษ A-LEVEL กับคอร์ส ตะลุยโจทย์ ภาษาอังกฤษ A-LEVEL by ครูพี่ทาม์ย คลิก
คอร์สดูโอ้ ภาษาไทย-สังคม ฉบับรวดรัด ใช้เวลาน้อย คอร์สเดียวพร้อมสอบ เด็กวิทย์ถูกใจสิ่งนี้ Shortcut ภาษาไทย-สังคมศึกษา A-level by ครูพี่วิน คลิก
เตรียมสอบเข้าคณะแพทย์รอบพอร์ต กับคอร์ส BMAT by Panya Society ฉบับเร่งรัด เจาะลึกข้อสอบครบทุก Part โดย ดร. จาก Top U ในสหรัฐอเมริกา คลิก
ติวเข้มพร้อมสอบกับคอร์ส COMPLETE IELTS by ครูพี่ทาม์ย เจาะลึกครบทุกทักษะ พร้อมเทคนิคทำข้อสอบได้ถูกต้องและทันเวลา คลิก
COMPLETE CU-TEP คอร์สเตรียมสอบ CU-TEP ครบทุกทักษะ แบบสมบูรณ์ จบครบในคอร์สเดียว พร้อมเทคนิคทำข้อสอบตรงคำตอบ แบบไม่เสียเวลา คลิก
เตรียมสอบกับคอร์ส COMPLETE TU-GET by ครูพี่ทาม์ย ครบทุกพาร์ตแบบเจาะลึก พร้อมสอบเสมือนจริง คลิก